การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร และใช้ในการเทรดอย่างไร

20 Jun, 2025 อ่าน 23 นาที

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร?

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำคัญอย่างไร

องค์ประกอบสำคัญของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

วิธีเทรดโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ปัจจัยที่ควรพิจารณา

ธนาคารกลางและอัตราดอกเบี้ย

เงินเฟ้อ

การจ้างงาน

ยอดขายปลีก

ยอดขายบ้าน

รายงานยอดขายส่ง

ดุลการชำระเงิน (BOP)

ดุลการค้า

ข้อดีและข้อเสียของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ตัวอย่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ข้อสรุป

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นต่อการเทรด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเทรดระยะยาว ตามประวัติแล้ว นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณ George Soros และ Warren Buffett สร้างความมั่งคั่งด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของตลาด

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานศึกษาว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกระทบต่อสกุลเงินของประเทศนั้นอย่างไร โดยตีความรายงานทางสถิติและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ รายงานและข่าวการเงินหลายร้อยรายการที่เผยแพร่ในแต่ละวันช่วยให้พยากรณ์ว่าค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงในอนาคตและคาดการณ์ว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจจะกลับทิศทางเมื่อใด

ปฏิทินเศรษฐกิจแสดงวันและเวลาที่มีการเผยแพร่รายงาน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักวิเคราะห์ใช้เพื่อพิจารณาผลกระทบของข่าวที่อาจเกิดขึ้น และยังแสดงการพยากรณ์ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร?

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือวิธีการใช้ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อความแข็งแกร่งของสกุลเงิน ประกอบด้วยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การจ้างงาน ฯลฯ รวมถึงอำนาจทางการเมืองและสังคม นักเทรดจะพิจารณา 3 องค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เทรด

  • การวิเคราะห์เศรษฐกิจ
  • การวิเคราะห์อุตสาหกรรม
  • การวิเคราะห์บริษัท

การวิเคราะห์ประเภทนี้เปรียบได้กับการสืบสวน ช่วยให้นักเทรดยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินโดยการตรวจสอบปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจมีอิทธิพลต่อราคาในอนาคต การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะช่วยให้นักเทรดระบุได้ว่าสกุลเงินมีราคาสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำคัญอย่างไร

ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน นักเทรดจะพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อกำหนดมูลค่ายุติธรรมของสกุลเงิน โดยประเมินว่าสกุลเงินมีราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ และเข้าใจว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศมีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร

เนื่องจากรายงานและข่าวเศรษฐกิจเผยแพร่ทุกวัน นักเทรดจึงใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้เพื่อคาดการณ์ความผันผวนของค่าเงินและระบุการเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มตลาดที่เป็นไปได้ แหล่งข้อมูลสำคัญคือ ปฏิทินเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงวันที่จะเผยแพร่ตัวชี้วัดและรายงานสำคัญ เครื่องมือนี้ช่วยให้นักวิเคราะห์ประเมินผลกระทบของข่าวที่อาจเกิดขึ้นกับค่าเงินและพยากรณ์เพิ่มเติม

องค์ประกอบสำคัญของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

เรามาสำรวจองค์ประกอบสำคัญของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน โดยเริ่มจาก

การวิเคราะห์เศรษฐกิจ

การประเมินตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคที่มีอิทธิพลต่อภาวะตลาดโดยรวม ปัจจัยสำคัญในการวิเคราะห์เศรษฐกิจ เช่น

  • การเติบโตของ GDP บ่งบอกถึงสุขภาพทางเศรษฐกิจและศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท
  • อัตราเงินเฟ้อ กระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
  • อัตราดอกเบี้ย มีอิทธิพลต่อต้นทุนการกู้ยืมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  • อัตราการว่างงาน สะท้อนให้เห็นภาวะตลาดแรงงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

การวิเคราะห์อุตสาหกรรม

การวิเคราะห์อุตสาหกรรมมุ่งเน้นเฉพาะหมวดธุรกิจที่บริษัทดำเนินธุรกิจเท่านั้น ดังนั้น การวิเคราะห์ประเภทนี้จึงเกี่ยวข้องกับนักเทรดหุ้น ซึ่งรวมถึง

  • แนวโน้มตลาด จำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบการเติบโตและความต้องการภายในอุตสาหกรรม
  • การแข่งขัน นักวิเคราะห์ควรประเมินภูมิทัศน์การแข่งขันและพลวัตของส่วนแบ่งตลาด
  • สภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแล รวมถึงการพิจารณากฎหมายและข้อบังคับที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม

การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนระบุโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหมวดธุรกิจนั้น

การวิเคราะห์บริษัท

การวิเคราะห์บริษัทก็เกี่ยวข้องกับนักลงทุนและนักเทรดหุ้น โดยเจาะลึกรายละเอียดของธุรกิจ รวมถึงการตรวจสอบจาก

  • งบการเงิน เอกสารสำคัญอย่างงบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสดที่มอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงินของบริษัท
  • อัตราส่วนทางการเงิน มาตรวัดอย่างอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะช่วยให้ประเมินความสามารถในการทำกำไร ประสิทธิภาพ และความเสี่ยง
  • คุณภาพฝ่ายบริหาร ประสิทธิผลของการเป็นผู้นำจำเป็นต่อความสำเร็จระยะยาว นักวิเคราะห์ประเมินประวัติการทำงานของทีมผู้บริหาร
  • การวางตำแหน่งเพื่อการแข่งขัน การทราบว่าบริษัทวางตำแหน่งการแข่งขันอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่งจะช่วยให้ประเมินศักยภาพการเติบโตของบริษัทได้

วิธีเทรดโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

หากคุณอยากเห็นประสิทธิภาพของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน โปรดทำตามขั้นตอนด้านล่างตามลำดับ

  1. เลือกสกุลเงินที่ต้องการเทรด เลือกสกุลเงินที่คุ้นเคยหรือมีข้อมูลเพียงพอและพร้อมที่จะเรียนรู้
  2. พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเกี่ยวกับประเทศที่ออกสกุลเงินที่คุณเลือก เช่น GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) อัตราการว่างงาน และเงินเฟ้อ หากข้อมูลทางการเงินออกมาดี สกุลเงินอาจแข็งค่าขึ้น แต่ถ้าข้อมูลออกมาไม่ดี สกุลเงินอาจอ่อนค่าลง
  3. ติดตามนโยบายของธนาคารกลางของประเทศนั้น ธนาคารกลางเปรียบเหมือนผู้ตัดสินในเกมค่าเงิน ธนาคารกลางดำเนินการตัดสินใจสำคัญและขั้นตอนทางการเงินที่จำเป็น เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย เมื่อธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย สกุลเงินอาจแข็งค่าขึ้น เพราะดึงดูดนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
  4. ติดตามข่าวสารปัจจุบันที่อาจกระทบต่อสกุลเงิน จินตนาการว่าประเทศเผชิญกับสงครามหรือความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้นักเทรดกังวลและสกุลเงินอาจอ่อนค่าลง ดังนั้น การติดตามข่าวสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ขั้นตอนต่อไปคือใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ดูกราฟและแผนภูมิที่แสดงให้เห็นว่าสกุลเงินเป็นอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป การเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มอาจกำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายสกุลเงิน

เรียนรู้วิธีใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติมจากบทความการวิเคราะห์ทางเทคนิค

ปัจจัยที่ควรพิจารณา

ธนาคารกลางและอัตราดอกเบี้ย

เนื่องจากธนาคารกลางมักรับผิดชอบการจัดการเรื่องการเงินของประเทศ การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางมีผลกระทบต่อค่าเงินอย่างยิ่ง เช่น หากต้องการให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น ธนาคารกลางอาจซื้อและถือสกุลเงินไว้ แต่หากต้องการให้ค่าเงินอ่อนค่าลง ธนาคารกลางจะขายสกุลเงินออกสู่ตลาด

เมื่อต้องการให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น ธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ หากต้องการลดเงินเฟ้อ ธนาคารกลางอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดการใช้จ่าย

นโยบายของธนาคารกลางแบ่งออกเป็น 'สายเหยี่ยว' หรือ 'สายพิราบ' ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารกลางกังวลเงินเฟ้อหรือการเติบโตมากกว่ากัน นโยบายสายเหยี่ยวมักนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นโยบายสายพิราบมักส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยกำลังจะลดลง

เงินเฟ้อ

ประเมินว่าราคาสินค้าและบริการจะปรับขึ้นเร็วเพียงใด กระทบต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินโดยตรง จึงกระทบต่อค่าเงิน ตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลัก เช่น

  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP)
  • GDP คำนวณมูลค่าสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตในประเทศในรอบระยะเวลารายงาน ตัวเลข GDP ที่เพิ่มขึ้นส่งสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งใช้วัดเงินเฟ้อ
  • เผยแพร่: 4 สัปดาห์หลังสิ้นสุดไตรมาส (เบื้องต้น) และ 3 เดือนหลังจากสิ้นสุดไตรมาส (ขั้นสุดท้าย) เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • วัดค่าของตะกร้าสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นดัชนี ตัวเลข CPI แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อเปลี่ยนแปลงอย่างไรและได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้ออย่างไรเมื่อเทียบกับตัวเลขก่อนหน้า
  • เผยแพร่: ประมาณกลางเดือนของทุกเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)
  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)
  • แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ผู้ผลิตได้รับ และผู้ผลิตประเมินได้ว่าอาจกระทบต่อราคาผู้บริโภคอย่างไร
  • เผยแพร่: สัปดาห์ที่สองหรือสามของเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)

การจ้างงาน

การจ้างงานกระทบต่อค่าเงินโดยตรง เพราะกระทบต่อการใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต นักเทรดเชื่อว่าการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจอ่อนแอ อุปสงค์ของสกุลเงินจะลดลง ในทางกลับกัน ตัวเลขการจ้างงานสูงเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโต มักหมายถึงอุปสงค์ของสกุลเงินจะยังคงเพิ่มขึ้น

รายงานการจ้างงานสำคัญที่สุดจากประเทศต่าง ๆ เช่น

  • รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐ (NFP) การประเมินแนวโน้มการจ้างงาน แต่ไม่รวมองค์กรรัฐ องค์กรไม่แสวงหากำไร และคนงานไร่นา
  • รายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่วัดจำนวนผู้ว่างงานใหม่
  • การสำรวจภาวะการทำงานของประชากร วัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการว่างงานในแคนาดา
  • ดัชนีราคาค่าจ้าง แสดงการเปลี่ยนแปลงของค่าจ้างในออสเตรเลีย
  • รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน วัดความเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ในสหราชอาณาจักรจากรอบระยะเวลารายงานหนึ่งไปยังอีกรอบระยะเวลารายงาน

ยอดขายปลีก

ยอดขายปลีกมีความสำคัญเพราะการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ ซึ่งวัดมูลค่ายอดขายในกลุ่มสินค้าและบริการต่าง ๆ ในรอบระยะเวลาที่กำหนด การเพิ่มขึ้นของยอดขายปลีกแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มเติมในการจับจ่าย และเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ

เผยแพร่: ประมาณกลางเดือนของทุกเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)

ยอดขายบ้าน

การเติบโตของตลาดบ้านเป็นหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง รายงานยอดขายบ้าน (อิงจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเป็นหลัก) แสดงให้เห็นอุปสงค์มวลรวมของผู้บริโภคสำหรับการซื้อบ้าน

เผยแพร่: สัปดาห์ที่สี่ของเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)

รายงานยอดขายส่ง

อ้างอิงจากการสำรวจผู้ขายส่ง 4,500 รายในแต่ละเดือน ซึ่งประกอบสถิติอย่างยอดขายรายเดือน สินค้าคงคลัง และอัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย รายงานฉบับนี้แสดงความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานและอาจช่วยให้พยากรณ์รายงาน GDP ประจำไตรมาส อย่างไรก็ตาม รายงานยอดขายส่งไม่ได้มีผลต่อตลาดมากนัก

เผยแพร่: ในหรือประมาณวันที่ 9 ของเดือน เวลา: 17.00 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 16.00 น. ตามเขตเวลา EEST)

ดุลการชำระเงิน (BOP)

ดุลการชำระเงินสรุปธุรกรรมทั้งหมดระหว่างผู้มีถิ่นฐานในประเทศกับผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยแบ่งออกเป็นดุลบัญชีเดินสะพัดที่รวมสินค้า บริการ และรายได้ และดุลบัญชีเงินทุนที่ประกอบด้วยธุรกรรมในเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งจำเป็นต่อการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจระดับประเทศและระหว่างประเทศ

เผยแพร่: ประมาณวันที่ 19 ของเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)

ดุลการค้า

แสดงผลต่างระหว่างมูลค่าสินค้าออกและมูลค่าสินค้าเข้าของประเทศ และเป็นส่วนสำคัญของดุลการชำระเงิน การขาดดุลการค้าหมายถึงประเทศนำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก ขณะที่การเกินดุลการค้าหมายถึงประเทศนำเข้าสินค้าน้อยกว่าส่งออก การขาดดุลหรือการเกินดุลการค้ามักเป็นสัญญาณอุปสงค์ของสกุลเงินที่เพิ่มขึ้น

เผยแพร่: ประมาณวันที่ 19 ของเดือน เวลา: 15.30 น. ตามเขตเวลา EET (หรือ 14.30 น. ตามเขตเวลา EEST)

เรียนรู้เพิ่มเติมว่าตลาด Forex ทำงานอย่างไรในบทความนี้

Advantages and disadvantages of fundamental analysis

Fundamental analysis has several advantages.

  • Gives traders an in-depth understanding of the various factors that influence the market, such as interest rates. This knowledge enables them to better prepare for potential market movements.
  • Identifies long-term investment opportunities. Unlike technical analysis, which focuses on short-term price movements, fundamental analysis helps traders have a long-term perspective. This allows traders to take advantage of sustainable trends and achieve higher returns.
  • Equips traders with the tools to assess risks associated with currency trading. Market participants can understand the potential impacts on currency values by evaluating economic indicators, monetary policies, and geopolitical events. This risk assessment aids traders in managing their exposure to volatile markets effectively.
  • Helps traders gauge prevailing market sentiment. The overall attitude of investors toward a particular currency plays a critical role in trading. By analysing economic data, news releases, and investor sentiment indicators, traders can gain an understanding that leads to more accurate price forecasts.
  • Gives traders the skills to analyse news releases, like economic data announcements. These news events can significantly affect currency values and help traders position themselves strategically to benefit from market movements.
  • Helps market participants evaluate central banks' policies and anticipate their effects on the market. Central banks influence currency values through interest rate decisions and monetary stimulus programs. This foresight allows traders to position themselves ahead of the central bank's actions, potentially profiting from the subsequent currency movements.
  • Enables traders to comprehend the relationships among economic variables. The Forex market is affected by a complex interaction of factors such as Gross Domestic Product (GDP) growth, inflation, employment data, and trade balances. This insight enables traders to recognise trends and correlations that can guide their trading choices.
  • Reveals long-term trends in currency values. Market participants can identify underlying trends that may take time to notice by examining economic data over extended periods. This long-term perspective allows them to capitalise on sustained movements in currency values, potentially leading to substantial profits.

However, fundamental analysis has several significant disadvantages.

  • It requires a considerable investment of time and effort. Traders must continuously gather and analyse data, including economic reports, financial statements, and geopolitical developments. This ongoing commitment can be particularly challenging for those who prefer to engage in shorter-term trading strategies.
  • Fundamental analysis is primarily designed for long-term investment strategies. While it offers valuable insights into overarching trends, it may need to predict short-term price fluctuations more effectively. Traders focused on short-term gains often turn to technical analysis, which examines price movements and market trends over brief timeframes.
  • The interpretation of fundamental data is inherently subjective. Different traders may draw varying conclusions from the same economic indicators, financial reports, or news items. This subjectivity can lead to diverse decisions, and therefore, market participants must implement a rigorous methodology to minimise bias in their analyses.
  • Financial markets must continuously operate with perfect efficiency and can sometimes behave irrationally. Fundamental analysis assumes that markets will eventually correct themselves based on fundamental factors. However, in the short term, markets may overreact to news, resulting in exaggerated price movements. Traders must recognise these inefficiencies and adjust their strategies accordingly.
  • This analysis relies heavily on the availability of accurate and comprehensive data. Unfortunately, not all pertinent information may be accessible to all traders. Those with privileged insider information access may have an advantage over retail traders. Traders need to acknowledge the limitations of the information at their disposal and adapt their analyses accordingly.
  • Foreign exchange markets are influenced by various economic, financial, and geopolitical factors. Conducting fundamental analysis requires traders to consider multiple variables and how they interact with one another. This complexity can make it challenging to evaluate individual factors on currency values accurately. A deep understanding of these interrelationships is crucial for thoughtful decision-making.
  • Fundamental analysis emphasises the intrinsic value of currencies based on economic conditions but may overlook short-term price patterns or market trends. Traders who rely exclusively on fundamental analysis might miss potential trading opportunities that could be identified through technical indicators.
  • Since fundamental analysis is based on historical and current data, it may not capture immediate market sentiments or rapidly changing economic conditions. Market responses to news or economic events can be delayed or differ from expectations. Traders must remain aware of these potential lags and adapt their strategies as necessary.

ตัวอย่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

เรามาดูที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งวัดว่าราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

ตัวอย่างเช่น ตัวเลข CPI ก่อนหน้าคือ 2.4% ซึ่งบ่งบอกเงินเฟ้อปานกลาง การเผยแพร่ข้อมูลใหม่ของ CPI มีความสำคัญเพราะอาจกระทบต่อค่าเงินเทียบกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ หากตัวเลข CPI สูงกว่าตัวเลขก่อนหน้า (สูงกว่า 2.4%) บ่งบอกว่าดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง (DXY) ซึ่งบอกเป็นนัยว่าคู่สกุลเงินที่มีสกุลอ้างอิงเป็น USD (EURUSD) ควรแข็งค่าขึ้น (ซื้อ) ในทำนองเดียวกัน คู่สกุลเงินที่มีสกุลเงินฐานเป็น USD ควรอ่อนค่าลง (ขาย) เช่น USDCHF

ข้อสรุป

  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าเงินและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อค่าเงิน
  • ดูปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) อัตราการจ้างงาน เงินเฟ้อ และอื่น ๆ ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ล้วนมีผลต่อความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
  • โดยการวิเคราะห์ข่าวและรายงานเศรษฐกิจ นักเทรดพยากรณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตอย่างมีหลักการ
  • การวิเคราะห์นี้พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยและเหตุการณ์ทางการเมือง ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเมื่อซื้อและขายสกุลเงิน
  • แม้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะมีประโยชน์ แต่นักเทรดต้องเข้าใจข้อจำกัดและพิจารณานำมาใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ (เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค) เพื่อยกระดับกลยุทธ์การเทรด

 

มาเป็นนักเทรดมืออาชีพกับ Octa

สร้างบัญชีและเริ่มฝึกฝนตอนนี้

Octa